ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เผยยอดแรงงาน 3 สัญชาติ เข้า-ออก ช่วงสงกรานต์กว่า 5.3 แสนคน ย้ำกลับหลัง 31 พ.ค.2562 ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม

 
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนที่ร่วมกันดูแล อำนวยความสะดวก รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และทำความเข้าใจในระเบียบและขั้นตอนการเดินทางเข้า-ออกของแรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมาช่วงเทศกาลสงกรานต์  ด้านกรมการจัดหางานเผยช่วง 5 - 30 เมษายนที่ผ่านมา มีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ  เดินทางเข้า-ออกทั้งสิ้น 532,677 คน เป็นสัญชาติเมียนมามากที่สุด พร้อมเน้นย้ำแรงงานต่างด้าวกลับช่วง 1-31 พฤษภาคม 2562 ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2,000 บาท และหลัง 31 พฤษภาคม 2562 หากนายจ้างจะจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานในประเทศไทย ต้องนำเข้ามาทำงานตามระบบ MOU เท่านั้น 
นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนที่ช่วยกันดูแล อำนวยความสะดวกรวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และทำความเข้าใจในระเบียบและขั้นตอนการเดินทางเข้า-ออกของแรงงานต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ถือหนังสือเดินทาง เอกสารแทนหนังสือเดินทาง หรือเอกสารรับรองบุคคลที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant L-A) และทำงานในประเทศไทยในตำแหน่งกรรมกร คนรับใช้ในบ้าน ผู้ประสานงานด้านภาษา และช่างเครื่องยนต์ในเรือประมงทะเล รวมถึงผู้ติดตามซึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ได้รับการตรวจลงตราวีซ่าประเภทผู้ติดตาม เดินทางเข้า-ออกประเทศเพื่อกลับบ้านไปร่วมประเพณีสงกรานต์ระหว่างวันที่ 5-30 เมษายน 2562 โดยยกเว้นค่าธรรมเนียม Re-Entry จำนวน 1,000 บาท  ซึ่งตั้งแต่วันที่ 5 - 30 เมษายน 2562 มีแรงงานกัมพูชา ลาว เมียนมา เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย จำนวนทั้งสิ้น 532,677 คน โดยเดินทางออกจำนวน 241,521 คน และเดินทางเข้าจำนวน 291,156 คน เป็นสัญชาติเมียนมามากที่สุด จำนวน 330,604 คน  รองลงมาเป็นสัญชาติกัมพูชา จำนวน 106,883 คน และสัญชาติลาว จำนวน 95,190 คน โดยผู้ที่เดินทางเข้ามาจะมีทั้งกลุ่มแรงงานกลับบ้านช่วงสงกรานต์ กลุ่มที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย และกลุ่มนำเข้าตามระบบ MOU ซึ่งเฉลี่ยประมาณ 33,000 คนต่อเดือน โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีแรงงานต่างด้าวเข้า-ออก จำนวน 240,251 คน ซึ่งพบว่าในปี 2562 มีแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกเพิ่มขึ้นจากปี 2561 จำนวน 292,426 คน คิดเป็น 121.72 % ขณะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีสถิติเข้า-ออก สูงสุด 10 ลำดับแรก คือ 1. ตม.จว.ตาก 2. ตม.จว.สระแก้ว 3. ตม.จว.อุบลราชธานี  4. ตม.จว.มุกดาหาร  5. ตม.จว.จันทบุรี 6. ตม.จว.ระนอง 7. ตม.จว.กาญจนบุรี  8. ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ 9. ตม.จว.เชียงราย และ 10. ตม.จว.นครพนม 
นางเพชรรัตน์ฯ กล่าวย้ำเตือนว่า ขณะนี้พ้นกำหนดระยะเวลายกเว้นค่าธรรมเนียม Re-Entry จำนวน 1,000 บาท แล้ว ดังนั้น หากแรงงานต่างด้าวกลับช่วง 1-31 พฤษภาคม 2562 ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2,000 บาท และต้องขอรับวีซ่าใหม่ โดยอยู่ได้เท่าสิทธิเดิมที่ได้รับอนุญาต แต่หากหลังจากวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 จะเข้ามาทำงานอีกไม่ได้ หากนายจ้างประสงค์จะจ้างคนต่างด้าวคนเดิมทำงานในประเทศไทยต่อไป จะต้องนำแรงงานคนเดิมกลับเข้ามาทำงานตามระบบ MOU เท่านั้น โดยในปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 – เม.ย.62) มีการนำเข้าแรงงาน
ต่างด้าวตาม MOU เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย จำนวน 230,400 คน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือโทร.สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน
ขอบคุณข้อมูลดีดีจากhttps://www.doe.go.th/prd/alien/news/param/site/152/cat/7/sub/0/pull/detail/view/detail/object_id/24211

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมาคมการประมงฯพบ‘บิ๊กอู๋’ถกปัญหานำเข้าแรงงานต่างด้าว

สมาคมการประมงฯพบ‘บิ๊กอู๋’ถกปัญหานำเข้าแรงงานต่างด้าว Facebook Twitter Google+ LINE สมาคมการประมงฯพบ‘บิ๊กอู๋’ถกปัญหานำเข้าแรงงานต่างด้าว เมื่อวันที่ 7 พ.ค. สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย นำโดยนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงฯ เข้าพบพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน พูดคุยถึงปัญหาแรงงานประมงที่ใบอนุญาตจะหมดอายุในวันที่ 1 พ.ย.2562 และ 31 มี.ค.2563 จำนวน 30,000 กว่าคน ซึ่งหากดำเนินนโยบายนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศภายใต้บันทึกข้อตกลง(เอ็มโอยู)จะทำให้เรือประมงทั้งประเทศขาดแคลนแรงงาน ส่งผลให้เรือประมงต้องจอดทั้งประเทศ จะเกิดปัญหาใหญ่ ดังนั้น 1.สมาคมการประมงฯจึงขอให้กระทรวงแรงงานทบทวนนโยบายในการที่จะส่งแรงงานกลับประเทศ โดยขอให้ประเทศต้นทางเข้ามาดำเนินการเปลี่ยนใบอนุญาตในประเทศไทยที่ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ซึ่งรมว.แรงงานสั่งให้อธิบดีกรมจัดหางานดำเนินการตามที่สมาคมการประมงฯร้องขอ โดยทำเรื่องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบโดยเร็ว 2.ปัญหาเรื่องการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศภายใต้เอ็มโอยูที่ยังติดปัญหาอยู่ เริ่มจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี...

การเปลี่ยนนายจ้างแรงงานต่างด้าว 2562

แรงงานต่างด้าวสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ หากเอกสารครบและเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมการจัดหางาน ซึ่งขั้นตอนง่ายไม่ยุ่งยาก (ข้อมูลจาก  http://thainews.prd.go.th/th/website_th/news/news_detail/WNSOC6107130010008 ) ปัจจุบัน พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 กำหนดให้แรงงานต่างด้าวสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้โดยให้นายจ้างเก่าต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่แรงงานต่างด้าวออกจากงานไม่ว่าด้วยเหตุใด หากไม่แจ้งจะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเดิมกำหนดให้แรงงานต่างด้าวเปลี่ยนนายจ้างได้ 5 กรณี คือ 1.นายจ้างเลิกจ้าง นายจ้างเสียชีวิต 2.นายจ้างล้มละลาย 3.นายจ้างกระทำทารุณกรรม หรือทำร้ายร่างกายลูกจ้าง 4.นายจ้างไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง หรือกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 5.ลูกจ้างทำงานในสภาพการทำงาน หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย สำหรับนายจ้างใหม่ที่รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงาน จะต้องดำเนินการแจ้งเปลี่ยนนายจ้างที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดที่นายจ้างเดิมอยู่ และต้องมีเอกสารใบแจ้งออกจากนายจ้างเดิม โดยจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการ...

ไปรษณีย์ไทย ลงโทษไล่ออกแล้ว! เจ้าหน้าที่ลอบขน 13 แรงงานต่างด้าว

วันที่ 14 พฤษภาคม 2562 - 15:12 น. Facebook Twitter Google+ LINE ไปรษณีย์ไทย ลงโทษ ไล่ออกเจ้าหน้าที่ลอบขน 13 แรงงานต่างด้าว หลังตำรวจจับกุมได้ขณะขับรถไปหาดใหญ่ ระบุพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันที่ 14 พ.ค.  บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท)  ชี้แจงว่ากรณีเจ้าหน้าที่ขับรถขนส่งไปรษณีย์ ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เชื้อสายฮินดู 13 ราย เพื่อนำไปส่งที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปรษณีย์ไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการเร่งด่วน พบว่าเจ้าหน้าที่ขับรถ คือ  นายธนาชัย มั่งทิม  เป็นเจ้าหน้าที่ขับรถขนส่งไปรษณีย์ทะเบียน 51-6730 กรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทั้งนี้  พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและผิดวินัยร้ายแรง ไปรษณีย์ไทยได้ไล่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวออกจากการปฏิบัติหน้าที่แล้ว  รวมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด พร้อมทั้งได้กำชับให้หน่วยงานทุกสังกัดกำกับดูแลการทำงานของเจ้าหน...